ที่ประชุมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการศูนย์ Covid-19 มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของชีวิตประชาชนในสถานการณ์ Covid-19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เสียหายอย่างหนัก
โดยพรรคเพื่อไทยได้ขอเสนอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาข้อเสนอ”ยุทธการ 21 วันสยบ Covid” ที่เราได้นำเสนอ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตประชาชนเป็นสำคัญที่สุด
และวันนี้ เราขอเสนอมาตรการทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบวิกฤต COVID-19 จากมาตรการของรัฐบาลให้ปิดสถานประกอบการ คือเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการควบคู่กับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะต้องเร่งช่วยคนตัวเล็ก คือ พนักงาน, ลูกจ้าง, ผู้ใช้แรงงาน จากมาตรการปิดสถานที่ต่าง ๆ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่าง SMEs โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว, ร้านอาหาร, ร้านค้าปลีกรายเล็ก และอื่น ๆ โดยขอเสนอมาตรการเร่งด่วน เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบดังต่อไปนี้
1. มาตรการสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ต้องถูกเลิกจ้าง คนตกงาน ถูกพักงาน
1.1 สำหรับคนที่ต้องออกจากงาน ตกงาน หรือพักงาน เพราะผลกระทบจาก Covid-19 เดือนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (หากมีงานทำก่อน ก็ยกเลิกการอุดหนุนเบี้ยยังชีพนี้)
1.2 พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยทุกประเภท ให้ประชาชน ทั้งหนี้ผ่อนบ้าน, ผ่อนรถ มอเตอร์ไซค์, ผ่อนรถยนต์, ผ่อนเครื่องมือทำการเกษตร หรือผ่อนเครื่องมือทำมาหากินเช่นคอมพิวเตอร์ (ที่เป็นหนี้มาก่อน ไม่ใช่หนี้ใหม่) เป็นเวลา 6 เดือน ก่อนเป็นเบื้องต้น นับตั้งแต่เดือนมีนาคม
1.3 ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ประชาชนทุกประเภท
1.4 สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังต้องถูกกักตัว 14 วัน ต้องจ่ายชดเชยรายได้ให้คนละ 5,000 บาท
1.5 ช่วยลดค่าน้ำค่าไฟ ให้ผู้มีรายได้น้อย ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
1.6 สำหรับเด็กนักเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ และพนักงานที่ต้องทำงานจากบ้าน ให้ใช้ อินเตอร์เน็ตฟรี โดยรัฐเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งให้เอกชนช่วยสนับสนุนบางส่วน
1.7 ขอความร่วมมือภาคเอกชนงดเก็บค่าเช่าให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็กอย่างน้อย 3 เดือน โดยลดภาษีให้ผู้ประกอบการที่ช่วยเหลือผู้เช่ารายย่อย
2. มาตรการสำหรับภาคธุรกิจ ต้องเร่งช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง SMEs กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มผู้ผลิต ขนาดเล็กขนาดกลาง ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร รับจัดอีเว้นท์ สปา ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด โดย
2.1 พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือนก่อนในเบื้องต้น นับตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไป
2.2 ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ธุรกิจเล็ก กลางที่ได้รับผลกระทบ ให้เหลือ 3% พร้อมทั้งปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้เอกชนพอที่จะยืนอยู่ได้ในสภาวะเช่นนี้
2.3 ให้ Soft Loan “สินเชื่อเพื่อต่อชีวิตธุรกิจ”ในอัตราดอกเบี้ย 1% เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ SMEs (โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนหลักเกณฑ์ในการให้สินเชื่อ และค้ำประกันเงินกู้ให้ธนาคารพาณิชย์)
2.4 ให้เงินอุดหนุนนายจ้าง”ไม่ให้เลิกจ้างพนักงาน” โดยช่วยสนับสนุนค่าจ้างพนักงานบางส่วน ในอัตราไม่เกิน 5,000 ต่อ/คน/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน
2.5 ลดราคาน้ำมันตามราคาตลาดโลก โดยเฉพาะให้ยกเลิกการเก็บภาษีน้ำมันดีเซล เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดค่าครองชีพให้กับประชาชน
2.6 เลื่อนการจ่ายภาษีนิติบุคคลออกไปอีก 6 เดือน สำหรับธุรกิจ SMEs และธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
3. มาตรการสำหรับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและกำลังมีปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
3.1 พักชําระหนี้เกษตรกรทุกชนิด 6 เดือน หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น อาจขยายเวลาเพิ่มขึ้น
3.2 เร่งจ่ายชดเชยค่าภัยแล้ง ไร่ละ 2,500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ ส่วนเกษตรกรที่มีพื้นที่น้อยให้จ่ายขั้นต่ำ รายละ 25,000 บาท
3.3 จัดสรรเงิน SML 500,000-800,000-1,000,000 บาท ให้หมู่บ้านนำไปพัฒนาแหล่งน้ำ ถนน หรือพัฒนาสาธารณูปโภคในหมู่บ้าน โดยให้ใช้แรงงานในพื้นที่เท่านั้น เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในหมู่บ้านและชุมชน