ผู้ว่าการรถไฟฯ ประกาศเดินหน้าแก้ปัญหาผู้บุกรุกพื้นที่รถไฟฯเด็ดขาด ระบุ ไม่ประนีประนอมกับการบุกรุก 3 แบบ คือ การบุกรุกกระทบกับความปลอดภัยเดินรถ เป็นแหล่งอาชญากรรม มั่วสุม และมีสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมตามมา
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังจากการลงพื้นที่สำรวจปัญหาการบุกรุกที่ดินของการรถไฟในพื้นที่สำคัญ เช่น บริเวณบ้านพักนิคมรถไฟ กม.11 นิคมรถไฟมักกะสัน บางซื่อ และจิตรลดา และได้สั่งตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด และ วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เพื่อดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินการรถไฟฯ ให้เกิดประโยชน์มูลค่าทรัพย์สูงสุด ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนรถไฟ และชุมชนโดยรอบ
โดยผู้ว่าการรถไฟฯ ระบุว่า ได้วางกรอบการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินรถไฟในลักษณะเชิงรุก โดยจะไม่ประนีประนอมกับการบุกรุกพื้นที่ที่เข้าข่ายในลักษณะสำคัญ 3 เรื่อง คือ
1. การบุกรุกที่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ ทั้งตัวรถที่เป็นทรัพย์สินของการรถไฟ ประชาชนผู้ใช้บริการและพนักงานที่ปฏิบัติงาน ตัวอย่างเช่น ที่สถานีคลองตัน กทม.ซึ่งการบุกรุกล้ำพื้นที่เขตทาง สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเกินรถ
2. กรณีการบุกรุกที่มีการเข้าไปใช้พื้นที่ของรถไฟ และอาจกลายเป็นแหล่งอาชญากรรมพื้นที่มั่วสุมการพนัน ซึ่งส่วนนี้ต้องจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
3. การบุกรุกพื้นที่ที่ทำให้เกิดสิ่งปลูกสร้างในลักษณะขวางทางน้ำและที่ผ่านมาทั้งพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดมีหลายพื้นที่ซึ่งสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมขัง
ทั้งนี้ผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าวด้วยว่ายังมีประเด็นปัญหาการบุกรุก ในลักษณะย่านการค้าที่เป็นตลาด ซึ่งการรถไฟมีนโยบายที่จะเข้าไปจัดระเบียบ ทำการเจรจากับผู้ค้า ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยแก้ปัญหามาเฟียคุมพื้นที่และเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ค้า มีการเก็บผลประโยชน์หลายทอด ซึ่งเมื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จแล้ว การรถไฟจะเข้าไปดูแลผู้ค้าโดยตรง ในส่วนนี้ยืนยันว่าผู้ค้าที่เคยต้องจ่ายค่าตอบแทน ให้แก่กลุ่มผลประโยชน์อื่นๆ จะมีค่าใช้จ่ายในการใช้พื้นที่ประกอบอาชีพลดลงอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีพื้นที่ตลาดร่มหุบ หรือตลาดแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้ว่า รฟท.ระบุ จุดดังกล่าวไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเป็นพื้นที่สถานีที่สิ้นสุดการเดินรถแล้ว อย่างไรก็ตามในเร็วๆนี้การรถไฟฯ จะมีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อวางกรอบดูแลความปลอดภัยให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่บริเวณบ้านพักนิคมรถไฟ กม. 11 นิคมรถไฟมักกะสัน บางซื่อ และจิตลดา (สามเหลี่ยม) ได้เกิดปัญหาผู้บุกรุกเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างยาวนาน จนปัจจุบันได้กลายเป็นชุมชนเสื่อมโทรม เกิดปัญหาอาชญากรรม ปัญหาทางด้านสาธารณสุข สุขอนามัย จนกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพนักงานการรถไฟฯ ประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาภายนอก
สำหรับข้อมูลที่ดินทรัพย์สิน ของ ร.ฟ.ท. ทั่วประเทศ มีจำนวน 234,976 ไร่ แยกเป็น 5 กลุ่มได้แก่
1) พื้นที่เขตทางร้อยละ 80.68 ของที่ดินโดยรวม กลุ่มที่
2) พื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ใช้เพื่อการเดินรถ มีสัดส่วนร้อยละ15.45 กลุ่มที่
3) พื้นที่ย่านสถานี (วางราง) คิดเป็นร้อยละ 2.27
4) พื้นที่บ้านพัก/ที่ทำการ ร้อยละ 1.6
และ กลุ่มที่ 5) เป็นพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ทั่วทั้งประเทศประมาณ 4 หมื่นกว่าไร่ ได้ว่าจ้างเอกชนลงสำรวจแผนที่ภูมิศาสตร์โดยละเอียด รวมทั้งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลดิจิทัล เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยการทำฐานข้อมูลในระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการบริหารทรัพย์สิน ของ ร.ฟ.ท. ทั่วประเทศกว่า 2 แสนไร่นั้น บริษัทฯ แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วนงานหลัก คือ ส่วนงานที่ 1 งานจัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ส่วนงานที่ 2 งานจัดทำฐานข้อมูล ผู้เช่า ผู้ใช้สิทธิ การบุกรุก และส่วนงานที่ 3 งานพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพย์สินและสัญญา โดยบูรณาการเชื่อมโยงระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครบถ้วนสมบูรณ์ ตามรายละเอียดของแต่ละส่วนงาน โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟ เพื่อจัดเก็บระบบฐานข้อมูลดิจิทัลที่ครบถ้วน ถูกต้อง และทันสมัย ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การบริหารทรัพย์สินของการ ร.ฟ.ท. ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด